สยามเทค งานช่างไม้

ประเภทของไม้ที่นิยมนำมาใช้ทำเฟอร์นิเจอร์

ไม้พาร์ติเกิ้ล บอร์ด หรือ เศษไม้อัด หรือบางท่านเรียกไม้ ขี้เลื่อย (Particle Board)
ทำมาจากเศษไม้ประเภทต่าง ๆ เช่น ไม้ขนุน ,ไม้ยาง ,ไม้ยูคา ฯลฯ นำมาผสมกาวแล้วอัดขึ้นรูปด้วยความร้อน ครับ
ขอดี : ใช้ทดแทนไม้จริง , ราคาถูก ,มีความแข็งแรง
ข้อเสีย : ไม่ทนต่อความชื้น เมื่อโดนน้ำจะบวมและ ขึ้นรา
*** เราจึงต้องนำไม้ที่ได้มาผ่านกระบวนการปิดผิวหน้า เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าว ครับ

ไม้ เอ็ม ดี เอฟ (MDF.) มองดูไม่ค่อยต่างจากไม้ พาร์ติเกิ้ลเท่าไหร่ครับถ้ามองด้วยตาจะเห็นว่า เนื้อไม้มันจะละเอียด กว่า ความหนาแน่น หรือ ความแข็งแรงย่อมมีมากกว่าไม้ประเภทนี้ทำมาจาก เศษกระดาษ อัด หรือผงไม้ นำมาอัดขึ้นรูปด้วยกระบวนการความร้อนเหมือนกัน

ข้อดี : แข็งแรง , สะดวกในการใช้งานเพราะไม่มีเสี้ยนไม้มากวนใจ , แปรรูปและ นำไปใช้งานต่อได้ง่าย
ข้อเสีย : ไม่ทนต่อความชื้น เหมือนกันครับ เมื่อโดนความชื้นก็จะเกิดปัญหา พองตัวและ เชื้อรา
*** ไม้ประเภทนี้ นิยมนำมาใช้ในการตกแต่งภายใน (indoor) ครับเพราะสะดวกประหยัดกว่าไม้อัดยาง

ไม้อัด (Plywood) ประกอบด้วยแผ่นไม้บาง ๆ ที่ทำจากการปอกและฝานไม้ แล้วนำมาอัดทับกันเป็นแผ่นโดยมีลักษณะการวางในทิศทางสลับกันด้วยกาว แผ่นที่อยู่ผิวด้านนอกจะเป็นผิวไม้บางที่ฝานเป็นแผ่นส่วนไม้ไส้ด้านในจะเป็นไม้ที่ได้จากการปอกการอัดชั้นขอไม้อัด จะอัดทีละ 3, 5 หรือ 7 ชั้น ไม้อัดเนื้ออ่อน (Soft wood Plywood) ใช้ทั้งงานภายนอก (กันน้ำได้) และงานภายใน (กันน้ำไม่ได้) สำหรับงานที่เป็นงานทาสีหรือตกแต่งภายใน ไม้อัดนับว่ามีประโยชน์มาก เกรดที่ดีที่สุดคือ A-A (หน้าเรียบทั้ง 2 ด้าน) A-B (หน้าเรียบด้านหนึ่ง หยาบด้านหนึ่ง) และ A-C (ด้านหลังคุณภาพต่ำ) ส่วนไม้อัดเนื้อแข็ง ด้านนอกสุดจะเป็นไม้เนื้อแข็งอย่างดี เช่น มะฮ็อกกานี ยมหิน เป็นต้น เกรดของไม้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของผิวแผ่นหน้าและหลัง
ความหนามาตรฐานของไม้อัด มีตั้งแต่ 3.2, 4.0, 6.0, 10.0, 15.0 และ 20.0 มม. ส่วนขนาดของไม้อัดแบบมาตรฐานมีขนาด 4 x 8 ฟุต  ราคาก็จะมีความแตกต่างเช่นกัน

ไม้จริง (Wood) คือ ไม้เต็มแผ่น แต่ละประเภทของชนิดไม้ วิธีการเลือกใช้ก็แล้วแต่ ลักษณะประเภทงาน ยิ่งลายสวยๆ สีไม้สวย ๆ แบบไม้เมืองนอก ยิ่งราคาแพง ไปจนถึงแพงมาก

ข้อดี : แข็งแรง ทนทาน สวยงาม
ข้อเสีย : น้ำหนักมาก ราคาแพงด้วยเช่นกัน

ไม้เทียม คือ ระยะหลังๆ นี้เราจะได้ยินคำนี้กันบ่อย ๆ เพราะผู้ผลิต ต่างทำการโฆณาแข่งขันกันอยู่สูง ไม้เทียม ทำมาจากพลาสติกชนิด พีวีซี เรียก \"ไม้พีวีซี\" หรือ \"Rigid PVC Foam\" ไม้เทียมเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ขณะที่ปริมาณการใช้ไม้ธรรมชาติและอลูมิเนียม กลับมีแนวโน้มการใช้ที่ลดลง

         ชิ้นงาน\"ไม้พีวีซี\" อาจจะมีผิวแข็งเหมือน Rigid PVC ทั่วไป แต่หากนำชิ้นงานมาผ่าตัดตามขวางจะเห็นว่า ภายในประกอบด้วยรูพรุนมากมาย ซึ่งการมีรูพรุนนี้เอง ทำให้ไม้พีวีซีมีความหนาแน่นลดต่ำลงมากปริมาณ 0.5-0.7 กรัม/ซีซี หมายความว่า ชิ้นงานที่มีขนาดหรือปริมาตรเท่ากัน ไม้พีวีซีจะเบากว่า Rigid PVC ทั่วไปถึง 50% จึงสามารถขึ้นรูปชิ้นงาน \"ไม้พีวีซี\" ให้มีความหนาใกล้เคียงกับไม้ที่นำมาใช้งานทั่วไปได้ โดยที่มีน้ำหนักใกล้เคียงกับไม้ (ความหนาแน่นของไม้ทั่วไปประมาณ 0.3-0.6 กรัม/ซีซี) แต่ \"ไม้พีวีซี\" มีข้อเด่นที่เหนือกว่าทั่วไปคือ มีอายุการใช้งานยาวนานเพราะไม่ดูดซึมน้ำ จึงไม่ผุกกร่อนเหมือนไม้ หรือเป็นสนิมเหมือนเหล็ก ทนต่อกรด ด่าง สารเคมี ปลวก และแมลงทุกชนิดเป็นฉนวนกันความร้อน และกันเสียงได้ดี ที่สำคัญคือไม่เป็นเชื้อเพลิงติดไฟ การเตรียมและประกอบสามารถทำได้ง่ายด้วยเครื่องมือช่างทั่วๆ ไป โดยไม่ต้องอาศัยเครื่องมือพิเศษ สามารถไส ตอก เลื่อย เจาะ หรือทากาวได้ ไม่แตกร้าวเมื่อตอก หรือแตกเป็นเสี้ยนเมื่อใช้วิธีเลื่อย การขึ้นรูปของ Rigid PVC Foam หรือ \"ไม้พีวีซี\" มีหลายวิธีด้วยกัน แต่นิยมกันมากและแพร่หลายมี 2 วิธีคือ Free-Foam Process และ Integral Foam Process ซึ่งวิธีที่สองนี้จะให้ชิ้นงานที่มีผิวเรียบ เป็นมันเงา และแข็งแกร่งกว่าวิธีแรก  
   
ประโยชน์ของการนำไปใช้งาน เพื่อทดแทนไม้ได้แก่
1.ประเภท Sheet เป็นแผ่นโฟมแทนไม้ แผ่ป้ายโฆษณา ฯลฯ
2.ประเภท Profile เช่น บานประตู กรอบหน้าต่าง ผนังบ้าน รั้ว บัวเชิงผนัง เฟอร์นิเจอร์บ้าน ฯลฯ
3.ประเภท Foam Core Pipe เช่น ท่อ Drain ของเสียและท่อ Vent